![]() |
|
สาระน่ารู้ เด็กหญิงซาดาโกะ กับนกกระเรียนพันตัว | |
| |
![]() |
การพับกระดาษเป็นนกกระเรียน (ori tzuru) เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อใด ไม่สามารถยืนยันได้ เอกสารชิ้นแรกที่มีการกล่าวถึงนกกระเรียนพับกระดาษ ปรากฎในหนังสือ Koushoku ichidai otoko เมื่อปี คศ.1682 คือในช่วงต้นของสมัยเอโดะ แต่เป็นเพียงการกล่าวถึงด้วยตัวอักษรเท่านั้น ภาพนกระเรียนพับกระดาษ ปรากฏในเอกสารเป็นครั้งแรก ในปี คศ. 1700 โดยเป็นภาพที่เป็นลวดลายในชุดกิโมโน ![]() ในอดีต เคยมีประเพณีในการถวายนกกระเรียนพันตัว แก่วัดหรือศาลเจ้า เพื่อเป็นสิ่งสักการะในการขอให้มีชีวิตยืนยาว ปัจจุบัน นกกระเรียนพันตัว มักใช้เป็นสิ่งที่มอบให้ในตอนที่ไปเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อเป็นการปลอบประโลมและให้กำลังใจ นอกจากนี้ นกกระเรียนพันตัว ยังใช้เป็นสัญญลักษณ์แสดงมุ่งหวังสันติภาพ และคัดค้านต่อต้านระเบิดปรมาณูอีกด้วย ในวันรำลึกเหตุการณ์ปรมาณู หรือวันที่ 6 สิงหาคม ของทุกปี จะมีนกกระเรียนพันตัวจำนวนมาก ถูกส่งจากที่ต่างๆ ทั่วโลก ไปยังสวนสันติภาพฮิโรชิมา อันเป็นสถานที่จัดงานรำลึกนี้ ![]() การพับนกกระเรียนจึงหมายถึงการต่ออายุให้ยืนยาว เช่นเดียวกับคำในสุภาษิต แต่คำว่า นกกระเรียนพันตัว (senba tzuru) นี้ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องมีจำนวนครบ 1,000 ตัว แต่หมายถึงการพับในปริมาณมากๆ เด็กหญิงซาดาโกะ กับนกกระเรียนพันตัว ซาซากิ ซาดาโกะ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม คศ. 1943 เป็นลูกคนที่สอง และเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวช่างตัดผม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อของเธอถูกเกณฑ์ไปทำงานที่โรงพยาบาลทหาร ที่บ้านจึงเหลือเพียงยาย แม่ พี่ชาย และซาดาโกะเพียง 4 คน วันที่ 6 สิงหาคม คศ.1945 เมืองฮิโรชิมาถูกทิ้งระเบิดปรมาณู ในขณะที่ซาดาโกะมีอายุ 2 ปี 7 เดือน ![]() แต่ระหว่างที่เธออพยพหนีออกนอกเมือง เธอถูกฝนกัมมันตรังสีตกใส่ เธอเติบโตเป็นเด็กแข็งแรง มีทักษะด้านกีฬาและร้องเพลง ในเดือนสิงหาคม คศ.1954 ขณะที่อยู่ชั้นประถมปีที่ 6 เธอเข้ารับการตรวจสุขภาพ แต่ไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่หลังจากนั้นอีก 3 เดือน เธอป่วยเป็นหวัด เกิดก้อนเนื้อบวมที่ด้านหลังลำคอและกกหู ในเดือนมกราคม คศ.1955 อาการบวมมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าก็บวมคล้ายกับโรคคางทูม ในเดือนกุมภาพันธ์ เธอเข้ารับการตรวจจากศูนย์วิจัยขององค์กรคณะกรรมาธิการผู้ประสบภัยจากระเบิดปรมาณู (Atomic Bomb Casualty Commission : ABCC) ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยอเมริกา ที่เมืองฮิโรชิมา หลังจากการทิ้งระเบิดปรมาณูไปได้ประมาณ 1 ปีเศษ ผลการวิจัย พบว่าเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (lymphocytic leukemia) จะมีอายุอีกได้ไม่เกิน 1 ปี เธอจึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกาชาด ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ คศ.1955 ผู้ป่วยที่อยู่ร่วมห้องเดียวกับเธอชื่อ โอคุระ คิโยะ ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 14 ปี ในเดือนพฤษภาคม อาการของซาดาโกะเริ่มเข้าสู่ขั้นทรงตัว เธอจึงได้รับอนุญาตให้กลับไปเยี่ยมบ้านทุกวันสุดสัปดาห์ เพื่อให้เธอใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข ซึ่งเธอไม่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับอาการป่วยของตนเอง ![]() ซาดาโกะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโรงพยาบาลได้ เธอและครอบครัวจึงได้เดินทางไปร่วมพิธีนั้น และเธอได้จำเพลงชื่อ "จะต้องไม่ยอมให้เกิดระเบิดปรมาณูอีก" (原爆を許すまじ : genbaku o yurusumaji) มาจากงานนี้ ในเดือนสิงหาคมนี้ นักเรียนมัธยมปลายในเมืองนาโงยา ได้พับนกกระเรียน และส่งมาให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย ที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลกาชาด ในเมืองฮิโรชิมา นกกระเรียนเหล่านี้มีสีสรรสวยสดงดงาม ทำให้บรรยากาศในห้องผู้ป่วยแจ่มใสขึ้น และช่วยทำให้ผู้ป่วยที่ลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ มีอารมณ์แช่มชื่นขึ้น การพับนกกระเรียน จึงกลายมาเป็นที่นิยมของคนไข้ในโรงพยาบาลนี้ ![]() ซาดาโกะและคิโยะ ต่างก็พับนกกระเรียนครบ 1,000 ตัว ภายในเดือนสิงหาคมนั้น และคิโยะก็ได้ออกจากโรงพยาบาลในปลายเดือนสิงหาคม คิโยะถึงแก่กรรมลงด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน คศ. 2008 ด้วยวัย 67 ปี หลังจากที่คิโยะออกจากโรงพยาบาล ซาดาโกะยังคงพับนกระเรียนต่อไป กระดาษสำหรับใช้พับกระดาษ (折り紙 : origami) เป็นของที่มีราคาแพง ดังนั้น นอกจากกระดาษห่อยาของตนเองแล้ว ซาดาโกะจึงไปขอกระดาษห่อยา และกระดาษห่อของในห้องผู้ป่วยคนอื่นๆ มาตัดเป็นแผ่นเล็กๆ เพื่อใช้พับนกกระเรียนอีกด้วย นกกระเรียนของซาดาโกะ มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนถึงขนาดเมล็ดข้าว คือเพียงไม่กี่มิลลิเมตร ต้องใช้เข็มเพื่อช่วยสร้างรอยพับบนกระดาษเท่านั้น ![]() แต่จำนวนที่แท้จริงจะมีทั้งสิ้นเท่าใด ครอบครัวของเธอไม่ได้นับไว้โดยละเอียด ในภายหลัง มีการแต่งเรื่องเพิ่มเติมว่า ซาดาโกะเสียชีวิตลง ก่อนที่เธอพับนกกระเรียนได้ครบ 1,000 ตัว เพื่อนในชั้นเรียนของเธอจึงได้ช่วยกันพับต่อจนครบ จึงทำให้มีความเข้าใจสับสนเกี่ยวกับจำนวนตัวเลขเป็นอย่างมาก ปลายเดือนตุลาคม เท้าข้างซ้ายของซาดาโกะบวมเป่งขนาด 1.5 เท่าของขนาดปกติ และกลายเป็นสีม่วงอมแดง ทำให้เธอเจ็บปวดจนนอนไม่หลับ เช้าวันที่ 25 ตุลาคม ครอบครัวของซาดาโกะสังเกตุเห็นว่าอาการของเธอทรุดหนักมาก ทุกคนจึงพากันไปที่โรงพยาบาล พ่อของซาดาโกะพยายามกระตุ้นให้เธอทานอาหาร ซึ่งเธอก็ตอบว่าอยากทานข้าวราดน้ำชา พ่อของเธอจึงรีบไปซื้อข้าวสวยจากโรงอาหารมาทำข้าวราดน้ำชา และป้อนให้เธอทาน 1 คำ เธอกล่าวว่า "อร่อย" และทานคำที่สอง พร้อมกับหลับตาลง และจบชีวิตลงท่ามกลางการเฝ้าดูแลของครอบครัว ซาดาโกะจบชีวิตลงในวันที่ 25 ตุลาคม คศ.1955 ด้วยวัย 12 ปี 9 เดือน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ห้องต้นไผ่ของเธอ วิ่งชนะเลิศในงานกีฬาสีเมื่อปีที่แล้ว ในงานศพของซาดาโกะ ครอบครัวของเธอได้มอบนกกระเรียนที่ซาดาโกะพับขึ้น ให้กับแขกที่มาร่วมงาน คนละ 2-3 ตัว เพื่อขอให้ใส่นกกระเรียนเหล่านั้น ลงในโลงศพของซาดาโกะ ส่วนนกกระเรียนที่เหลือ ก็มอบให้กับแขก เป็นของที่ระลึกในงานศพของซาดาโกะ ![]() การรณรงค์ขอรับเงินบริจาคแพร่สะพัดไปทั่วทุกโรงเรียนในเมืองฮิโรชิมา และขยายสู่เมืองต่างๆทั่วประเทศ มีโรงเรียนที่ส่งจดหมายและเงินบริจาค เพื่อร่วมสร้างรูปปั้นอนุสรณ์นี้ มากกว่า 3,000 โรงเรียน ![]() รูปปั้นนี้ ตั้งอยู่ที่สวนสันติภาพฮิโรชิมา และทุกๆปี จะมีนกกระเรียนกระดาษจำนวนมาก ถูกส่งมายังรูปปั้นเด็กที่ถูกระเบิดปรมาณูนี้ จากทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น ที่แท่นหินหน้ารูปปั้น มีคำแกะสลักไว้ว่า "จะต้องไม่ทำให้เด็กๆ กลายเป็นเหยื่อของระเบิดปรมาณูอีก" ![]() เรื่องของซาดาโกะกับการพับนกกระเรียน ถูกเผยแพร่ในสื่อต่างๆทั่วโลก ในหลายรูปแบบ และหลายภาษา ซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสันติภาพ และความหวังมาจนถึงทุกวันนี้ Webmaster 6 สิงหาคม 2555
|