อ่าน 5,698,905 ครั้ง
คันจิ (漢字 : kanji) ในภาษาญี่ปุ่นมีต้นกำเนิดจากอักษรจีน โดยญี่ปุ่นได้รับมาเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกับมีการดัดแปลงเล็กน้อยเพื่อให้มีความสะดวกในการเขียนและการอ่าน มีทั้งสิ้นประมาณ 50,000 ตัว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาโบราณที่ปัจจุบันไม่มีการใช้งานแล้ว
ในเดือนพฤศจิกายน คศ. 2010 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศแก้ไขจำนวนคันจิที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (常用漢字 : jouyou kanji) จากที่เคยกำหนดไว้เดิม 1,945 ตัว เป็น 2,136 ตัว โดยในจำนวนนี้เป็นคันจิที่กำหนดให้ศึกษาในระดับประถมศึกษาจำนวน 1,006 ตัว แบ่งเป็น ป.1 (80 ตัว) ป.2 (160 ตัว) ป.3 (200 ตัว) ป.4 (200 ตัว) ป.5 (185 ตัว) และ ป.6 (181 ตัว) ตามลำดับ
คันจิเป็นอักษรที่มีทั้งความหมายและเสียงในตัวเอง โดย คันจิ 1 ตัวจะมีวิธีอ่าน 2 แบบ คือ
คันจิสมัยโบราณ เป็นอักษรภาพ ซึ่งต่อมา ค่อยๆ เปลี่ยนรูปมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นอักษรเส้นในปัจจุบัน
คันจิในภาพ คือ 馬 อ่านว่า uma แปลว่า "ม้า" ซึ่งสามารถเห็นถึงการค่อยๆ เปลี่ยนรูปจากอักษรโบราณเมื่อหลายพันปีก่อน จนกลายมาเป็นคันจิที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
วิธีการเขียนคันจิ มีหลักเกณฑ์ทั่วไป คือ
1. เส้นในแนวนอน : ลากจากซ้ายไปขวา
2. เส้นในแนวตั้ง : ลากจากบนลงล่าง
ในการเรียนคันจิ นอกจากจะต้องจดจำความหมาย และวิธีอ่านแบบ On-yomi และ Kun-yomi แล้ว ยังจะต้องจดจำ ลำดับในการลากเส้น และจำนวนเส้น ให้ถูกต้องด้วย
การนับจำนวนเส้นได้อย่างถูกต้อง จะทำให้สามารถค้นหาคันจิตัวใหม่ๆ ที่ไม่ทราบวิธีอ่าน และไม่ทราบความหมายได้ โดยใช้จำนวนเส้นเป็น keyword ในการค้นหา
เว็บไซต์นี้ได้รวมคันจิระดับประถมศึกษาทั้ง 1,006 ตัว พร้อมทั้งความหมาย การอ่าน Onyomi, Kunyomi, จำนวนเส้น และวิธีการเขียนคันจิแต่ละตัว เพื่อให้ผู้ที่สนใจเรียนรู้คันจิ สามารถเริ่มศึกษาจดจำได้ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงปีที่ 6 โดยการใช้เครื่องมือค้นหาที่เตรียมไว้ให้ในเว็บไซต์นี้
pageviews 5,698,905