ทำไมคันจิของญี่ปุ่นจึงมีเสียง onyomi หลายเสียง
โดย Webmaster : อ่าน 45,413 ครั้ง
คันจิส่วนใหญ่ในภาษาจีน มักจะมีเสียงอ่านเพียงเสียงเดียว แต่เหตุใดคันจิในภาษาญี่ปุ่นจึงอ่านแบบจีน (on-yomi) ได้หลายเสียง
คันจิเป็นตัวอักษรที่ชาวญี่ปุ่นนำมาจากจีน เพื่อใช้เป็นตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากในสมัยโบราณญี่ปุ่นมีเพียงภาษาพูดเท่านั้น แต่ยังไม่มีตัวอักษรเป็นของตนเอง
คันจิที่มีความหมายตรงกับคำศัพท์ที่ญี่ปุ่นมีอยู่แล้ว จะถูกนำไปใช้เป็นตัวอักษรแทนคำศัพท์นั้น และจะอ่านด้วยวิธีแบบเดิมของญี่ปุ่น
เช่น คันจิ 「人」 มีความหมายตรงกับภาษาญี่ปุ่นว่า "hito" แปลว่า "คน" จึงอ่านคันจิ 「人」 นี้ว่า "hito" ซึ่งการอ่านด้วยวิธีแบบเดิมของญี่ปุ่น นี้เรียกว่า kun-yomi
ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็รับคำศัพท์และวิธีการออกเสียงตามแบบของชาวจีนไว้พร้อมๆกัน เช่น คำว่า 「人間」 อ่านว่า "nin-gen" แปลว่า "มนุษย์" ชาวญี่ปุ่นก็รับวิธีอ่านคันจิ 「人」 ว่า "nin" ไว้ด้วย ซึ่งการอ่านแบบภาษาจีน-สำเนียงญี่ปุ่น นี้เรียกว่า on-yomi
เมื่อเวลาผ่านไปนับร้อยปี ประเทศจีนเองก็มีคำศัพท์ใหม่ๆเกิดขึ้น และบางคำมีการออกเสียงแตกต่างไปตามพื้นที่มณฑลต่างๆ
ดังนั้น เมื่อญี่ปุ่นนำคำศัพท์ใหม่ๆ เข้ามาจากจีน คันจิที่ญี่ปุ่นเคยใช้อยู่เดิม จึงมีเสียงใหม่เกิดขึ้น เช่น คำว่า 「人生」 อ่านว่า "jin-sei" แปลว่า "ชีวิตคน" จึงทำให้คันจิ 「人」 มีเสียง on-yomi เพิ่มขึ้นอีก 1 เสียง คืออ่านได้ทั้ง "nin" และ "jin" ขึ้นอยู่กับว่าจะผสมกับคำอะไร
เสียง on-yomi ที่ญี่ปุ่นรับมาจากจีน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1. 呉音 (go-on) หรือเสียงอู๋
รับเข้ามาในคริสต์ศตวรรษที่ 5-6 โดยเป็นการรับเข้ามาทั้งระบบ มักเป็นคำที่เกี่ยวกับศาสนาและกฎระเบียบ
2. 漢音 (kan-on) หรือเสียงฮั่น
รับเข้ามาในคริสต์ศตวรรษที่ 7-8 คือช่วงปลายสมัยนารา ไปจนถึงช่วงต้นของสมัยเฮอัน เป็นกลุ่มคำที่คณะทูตและนักบวชญี่ปุ่นที่ส่งไปเจริญสัมพันธไมตรีและศึกษาความรู้ที่ประเทศจีนนำกลับมาที่ญี่ปุ่น จึงมีการจัดโครงสร้างอย่างเป็นระบบและมีความสมบูรณ์กว่ากลุ่มอื่นๆ
3. 唐音 (tou-on) หรือเสียงถัง
รับเข้ามาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12-19 คือตั้งแต่สมัยคามาคุระ เรื่อยมาจนถึงสมัยเอโดะ เป็นคำที่ไม่ได้นำมาทั้งระบบ แต่มักจะติดมากับคำศัพท์เป็นคำๆ จากนักบวชนิกายเซ็นที่ไปปฏิบัติธรรม หรือจากพ่อค้าที่เดินทางไปมาค้าขายระหว่าง 2 ประเทศ
4. 慣用音 (kan-you-on) หรือเสียงที่ยอมรับโดยทั่วไป
คือเสียงอ่านแบบ on-yomi ซึ่งไม่สามารถจัดเข้าใน 3 กลุ่มแรกได้ ซึ่งอาจเกิดจากออกเสียงผิดพลาดหรือเพี้ยนไปตามยุคสมัย จนกลายเป็นเสียงที่ยอมรับโดยทั่วไปในสังคมญี่ปุ่น
การที่คันจิซึ่งญี่ปุ่นนำเข้าจากจีนในแต่ละช่วงเวลา มีเสียงอ่านต่างไปจากเดิม จึงเป็นสาเหตุทำให้คันจิของญี่ปุ่นมีเสียงอ่านแบบ onyomi หลายเสียงตามไปด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างคันจิที่อ่านเสียง on-yomi ได้หลายวิธี
go-on | kan-on | tou-on | |
行 | 諸行 sho-gyou |
行為 kou-i |
行灯 an-don |
外 | 外題 ge-dai |
外国 gai-koku |
外郎 ui-rou |
明 | 光明 kou-myou |
明確 mei-kaku |
明国 min*-koku |
和 | 和尚 wa-jou |
和尚 ka*-shou |
和尚 o-shou |
清 | 清浄 shou-jou |
清浄 sei-jou |
清規 shin*-gi |
経 | 経文 kyou-mon |
経済 kei-zai |
看経 kan-kin* |
請 | 起請 ki-shou* |
請求 sei-kyuu |
普請 fu-shin |
頭 | 頭上 zu-jou |
先頭 sen-tou |
饅頭 man-juu |
หมายเหตุ : * เป็นเสียงที่ไม่จัดอยู่ในการออกเสียงตามคันจิที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (常用漢字 : jouyou kanji)
อ้างอิงจาก :
https://ja.wikipedia.org/wiki/%E6%BC%A2%E8%AA%9E
https://dictionary.goo.ne.jp/leaf/jn2/94170/m0u/字音/picture/0/
Webmaster
25 กรกฎาคม 2555
pageviews 1,990,715